Investor World Review
SEE OTHER BRANDS

The latest news on finance and banking

อาเซียนใต้แรงกดดัน เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย รับมือศึกภาษีจากสหรัฐฯ อย่างไร

แผนที่ 3 มิติของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทับซ้อนบนธงชาติสหรัฐอเมริกา พร้อมเส้นทางการค้าส่องแสงเชื่อมโยงเวียดนาม อินโดนีเซีย และไทยเข้ากับสหรัฐฯ — โดย EBC

แรงกดดันภาษี! สหรัฐฯ เข้มงวดนโยบายการค้า ทำให้เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย ปรับตัวรวดเร็ว EBC Financial Group วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงภูมิภาคและผลกระทบต่อโลกการเงิน

EBC Financial Group วิเคราะห์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เผชิญทางเลือกยาก ท่ามกลางแรงกดดันภาษีสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรง

DC, UNITED STATES, July 29, 2025 /EINPresswire.com/ -- ท่ามกลางการเดินหน้าใช้นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ประเทศเศรษฐกิจหลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างเร่งปรับตัวรับมืออย่างเร่งด่วน โดย EBC Financial Group (EBC) ได้วิเคราะห์ถึงแนวทางที่เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทยใช้เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมทางการค้าที่ไม่แน่นอนนี้ ผ่านการเร่งดำเนินการด้านการทูตการค้า การสนับสนุนนโยบายรายภาคส่วน และการวางกลยุทธ์ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน

“เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ได้แค่ ‘ตอบโต้’ แต่กำลัง ‘จัดทัพใหม่’” เดวิด บาร์เร็ตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EBC Financial Group (UK) Ltd. กล่าว “ตั้งแต่การปฏิรูปของเวียดนาม ไปจนถึงการทูตเชิงรุกของอินโดนีเซีย ประเทศในภูมิภาคนี้กำลังใช้แรงเสียดทานทางการค้าเป็นแรงผลักดันในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ สำหรับนักลงทุนและนักเทรด นี่ไม่ใช่เรื่องของการแยกตัว แต่มันคือเรื่องของ ‘การแยกทิศทาง’ ทางเศรษฐกิจ

การตอบสนองของอาเซียน: จากดีลเร่งด่วนสู่การปรับสมดุลใหม่

เวียดนาม ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตด้านการส่งออกเร็วที่สุดในเอเชีย กำลังเร่งเดินหน้าสู่การสรุปข้อตกลงการค้าแบบทวิภาคีกับสหรัฐฯ ท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีที่อาจถูกเรียกเก็บในภาคส่วนสำคัญอย่างสิ่งทอ อิเล็กทรอนิกส์ และเฟอร์นิเจอร์ โดยนักวิเคราะห์จาก EBC ชี้ว่า ระบบภาษีใหม่ของสหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีสูงสุดถึง 20% สำหรับสินค้าเวียดนามบางประเภท เช่น อัตราพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และ 15% สำหรับเฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์ไม้ ซึ่งต่ำกว่าข้อเสนอเดิมที่สูงถึง 46% เพื่อลดผลกระทบ รัฐบาลเวียดนามจึงออกมาตรการสนับสนุนแบบเฉพาะจุดให้กับอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ พร้อมผลักดันการปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อรักษาความเชื่อมั่นจากนักลงทุน “ความสามารถของเวียดนามในการปรับตัวอย่างรวดเร็วและรักษาการเข้าถึงตลาด แสดงให้เห็นถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในห่วงโซ่อุปทานโลก” บาร์เร็ตต์กล่าว ทั้งนี้ ความหวังในการบรรลุข้อตกลงการค้าและแรงหนุนจากกระแสปฏิรูปได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้น ตามรายงานของ Vietnam Investment Review

ด้านอินโดนีเซีย ได้เข้าสู่การเจรจาที่มีเดิมพันสูง โดยเสนอแพ็คเกจการค้ามูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อสหรัฐฯ เพื่อเป็นมาตรการเชิงรุกป้องกันผลกระทบจากมาตรการภาษีที่อาจเกิดขึ้น นักวิเคราะห์จาก EBC ระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวมุ่งปกป้องภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจส่งออก เช่น น้ำมันปาล์ม ยางพารา และเครื่องนุ่งห่ม โดยจากการเจรจา จาการ์ตาสามารถลดอัตราภาษีจาก 32% เหลือ 19% สำหรับผลิตภัณฑ์หลักหลายรายการ ช่วยบรรเทาผลกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศ และเสริมความสามารถในการแข่งขันของอินโดนีเซียในภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับประเทศไทย ยังคงอยู่ภายใต้มาตรการภาษีที่ประกาศใช้ตั้งแต่เดือนเมษายน โดยนักวิเคราะห์จาก EBC ระบุว่า กรุงเทพฯ กำลังเร่งเจรจาข้อตกลงแยกกับสหรัฐฯ โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องภาคยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ทั้งนี้ ตามรายงานของ Bloomberg ประเทศไทยมุ่งเป้าหมายในการลดอัตราภาษีที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งสูงถึง 36% ขณะที่ความล่าช้าในการเจรจาอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการสูญเสียคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ

ภายใต้แรงกดดัน: ทางสองแพร่งของอาเซียนในบทบาทมหาอำนาจระดับกลาง

เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากความตึงเครียดทางภาษีในเวทีโลก เวียดนามเร่งเดินหน้าเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ ควบคู่กับการเสริมมาตรการสนับสนุนเชิงนโยบายแก่ภาคส่วนที่เปราะบาง เช่น รองเท้าและเครื่องนุ่งห่ม ขณะที่ข้อเสนอการค้าจากอินโดนีเซียมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกมองว่าเป็นเกราะป้องกันเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลว่า ความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้ออาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ด้านประเทศไทยก็เร่งดำเนินการเพื่อบรรเทาภาษีในภาคส่วนที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์

แม้มาเลเซียและสิงคโปร์จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ในระดับที่น้อยกว่า แต่บรรดานักวิเคราะห์จาก EBC เตือนว่าอาจเกิดผลกระทบต่อเนื่องตามมา โดยเศรษฐกิจของสิงคโปร์ซึ่งพึ่งพาการส่งออก อาจชะลอตัวจากการค้าภายในภูมิภาคที่ลดลง ส่วนมาเลเซีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตในห่วงโซ่อุปทานระดับต้น อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมหากภาษีของสหรัฐฯ ครอบคลุมถึงชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบ “ผลกระทบเป็นลูกโซ่จากการดำเนินนโยบายภาษีของสหรัฐฯ เริ่มส่งแรงสั่นสะเทือนในอาเซียนแล้ว” บาร์เร็ตต์กล่าว “ไม่ว่าจะเป็นการได้รับผลกระทบโดยตรง หรือเป็นผลพวงทางอ้อม ความจำเป็นในการปรับตัวนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างแท้จริง”

ความเคลื่อนไหวในตลาดเงินสะท้อนความแตกต่างเชิงยุทธศาสตร์

ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในอาเซียนเริ่มสะท้อนแรงกดดันจากความตึงเครียดทางการค้า โดยเงินด่องของเวียดนามและเงินบาทของไทยแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในระยะสั้น อันเป็นผลมาจากบรรยากาศเชิงบวกจากสหรัฐฯ และการเตรียมพร้อมของธนาคารกลางทั้งสองประเทศในการแทรกแซงหากจำเป็น ขณะที่เงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียยังคงเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากธนาคารกลางอินโดนีเซียต้องรักษาสมดุลระหว่างความสามารถในการแข่งขันกับการป้องกันเงินทุนไหลออก ด้านดอลลาร์สิงคโปร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย สะท้อนถึงความอ่อนไหวต่อวัฏจักรความต้องการของตลาดโลก

เส้นทางที่แตกต่างกันของสกุลเงินเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียง “เสียงรบกวน” ในตลาด แต่เป็นภาพสะท้อนว่าแต่ละประเทศมีความพร้อมแค่ไหนในการรับมือกับพายุภาษีที่กำลังจะเกิดขึ้น ประเทศที่เร่งเจรจากับสหรัฐฯ อย่างแข็งขัน อาจได้รับความเชื่อมั่นในระยะสั้น ขณะที่ประเทศที่ถูกมองว่าขยับตัวช้า อาจเผชิญกับการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ตามไปด้วย

ประเด็นสำคัญที่เทรดเดอร์ควรจับตา

สำหรับนักเทรด ความไม่เป็นหนึ่งเดียวของมาตรการภาษีในครั้งนี้ถือเป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาส โดยความผันผวนของค่าเงินมีแนวโน้มจะยังคงสูง โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่และตลาดชายขอบอย่างอินโดนีเซียและเวียดนาม ขณะที่ข้อตกลงการค้าแบบทวิภาคีกำลังเปลี่ยนแปลงสนามการแข่งขัน หุ้นรายกลุ่ม—โดยเฉพาะในกลุ่มสิ่งทอ ยานยนต์ และฮาร์ดแวร์เทคโนโลยี—อาจถูกประเมินมูลค่าใหม่ตามสถานการณ์

ตลาดพันธบัตรก็เริ่มตอบสนองเช่นกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอินโดนีเซียและไทยเริ่มขยับสูงขึ้น สะท้อนถึงความไม่แน่นอนด้านการค้าและความเป็นไปได้ในการปรับนโยบาย EBC Financial Group แนะนำให้นักเทรดติดตามสถานะการถือครองในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (FX positioning) รวมถึงสัญญาณเชิงนโยบายจากประเทศในภูมิภาคอย่างใกล้ชิด เนื่องจากธนาคารกลางในแต่ละประเทศอาจดำเนินนโยบายแบบไม่ประสานกันและแตกต่างกันไปตามบริบทของตนเอง เพื่อตอบสนองต่อท่าทีต่อไปของสหรัฐฯ

คำเตือน: บทความนี้เป็นการนำเสนอข้อมูลจากการสังเกตการณ์ของ EBC Financial Group และบริษัทย่อยทั่วโลกเท่านั้น มิใช่คำแนะนำด้านการเงินหรือการลงทุน การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราแลกเปลี่ยน (FX) มีความเสี่ยงสูงต่อการขาดทุน ซึ่งอาจเกินมูลค่าการลงทุนเริ่มต้นของท่าน กรุณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินที่มีใบอนุญาตก่อนตัดสินใจลงทุนใดๆ ทั้งนี้ EBC Financial Group และบริษัทย่อยจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดจากการนำข้อมูลในบทความนี้ไปใช้

สามารถติดตามข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ได้ที่ www.ebc.com

### 

เกี่ยวกับ EBC Financial Group

EBC Financial Group (EBC) ก่อตั้งขึ้นในย่านการเงินชื่อดังของกรุงลอนดอน เป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านบริการนายหน้าซื้อขายทางการเงินและการบริหารสินทรัพย์ โดยมีบริษัทในเครือที่ได้รับใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลในตลาดการเงินสำคัญทั่วโลก อาทิ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย หมู่เกาะเคย์แมน มอริเชียส และประเทศอื่น ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อย นักลงทุนมืออาชีพ และสถาบัน สามารถเข้าถึงการลงทุนในตลาดการเงินระดับโลก ทั้งในกลุ่มสกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น และดัชนีต่าง ๆ

EBC ได้รับการยอมรับจากหลากหลายรางวัลในระดับนานาชาติ พร้อมยึดมั่นในมาตรฐานจริยธรรมที่เข้มงวด โดยบริษัทในเครือของ EBC ได้รับใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลในแต่ละประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้แก่ EBC Financial Group (UK) Limited ซึ่งได้รับการกำกับดูแลโดยสำนักงานกำกับดูแลการเงินของสหราชอาณาจักร (FCA), EBC Financial Group (Cayman) Limited ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานการเงินหมู่เกาะเคย์แมน (CIMA), EBC Financial Group (Australia) Pty Ltd และ EBC Asset Management Pty Ltd ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนออสเตรเลีย (ASIC) และ EBC Financial (MU) Ltd ซึ่งได้รับอนุญาตและควบคุมโดยคณะกรรมการบริการทางการเงินมอริเชียส (FSC)

หัวใจสำคัญของ EBC คือทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการเงินกว่า 40 ปี โดยผ่านการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจระดับโลกมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ข้อตกลง Plaza Accord วิกฤตฟรังก์สวิสในปี 2015 ไปจนถึงความผันผวนในช่วงการระบาดของโควิด-19 EBC ยึดมั่นในวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ ความเคารพ และความปลอดภัยของสินทรัพย์ลูกค้าอย่างสูงสุด เพื่อให้ความสัมพันธ์กับนักลงทุนทุกคนได้รับการดูแลด้วยความจริงจังในทุกมิติ

ในฐานะพันธมิตรอย่างเป็นทางการด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา (FC Barcelona) EBC ให้บริการเฉพาะทางแก่ลูกค้าในภูมิภาคเอเชีย ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกา และโอเชียเนีย นอกจากนี้ บริษัทยังมีบทบาทในการสนับสนุนโครงการเพื่อสุขภาพระดับโลกผ่านความร่วมมือกับองค์กร United to Beat Malaria อีกทั้งยังสนับสนุนกิจกรรมเผยแพร่ความรู้สาธารณะ "What Economists Really Do" ของภาควิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์และบทบาทของเศรษฐศาสตร์ต่อประเด็นท้าทายของสังคมในปัจจุบัน

https://www.ebc.com/

Michelle Siow
EBC Financial Group
michelle.siow@ebc.com
Visit us on social media:
LinkedIn
Instagram
Facebook
YouTube
X
Other

Legal Disclaimer:

EIN Presswire provides this news content "as is" without warranty of any kind. We do not accept any responsibility or liability for the accuracy, content, images, videos, licenses, completeness, legality, or reliability of the information contained in this article. If you have any complaints or copyright issues related to this article, kindly contact the author above.

Share us

on your social networks:
AGPs

Get the latest news on this topic.

SIGN UP FOR FREE TODAY

No Thanks

By signing to this email alert, you
agree to our Terms & Conditions